Skip to content
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา

คำแนะนำการปฎิบัติตัวเมื่อรักษาตัวที่บ้านสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

พญ.รับพร ทักษิณวราจาร

บทความ

โรงพยาบาลพระรามเก้า

  • วันที่โพสต์ 3 มีนาคม 2022
คำแนะนำการปฎิบัติตัว เมื่อรักษาตัวที่บ้าน (home isolation) สำหรับผู้ป่วย covid 19

คำแนะนำการปฎิบัติตัวเมื่อรักษาตัวที่บ้านสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

การปฎิบัติตัวเมื่อรักษาตัวที่บ้าน

  1. โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในปัจจุบัน มักมีอาการเล็กน้อย ไม่รุนแรงและสามารถหายเองได้ที่บ้าน
  2. ผู้ป่วยโดยทั่วไปจะมีอาการเยอะสุดในระยะ 2-3 วันแรก และรู้สึกอาการดีขึ้นในหนึ่งสัปดาห์ (ยกเว้นเพียงผู้ป่วยสูงอายุ (ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี) หรือ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง, โรคไตเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้, โรคอ้วน, โรคตับแข็ง และมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ ที่ทำให้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคที่รุนแรงขึ้นได้ ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ควรรักษาตัวในโรงพยาบาล)
  3. จุดมุ่งหมายในการรักษาด้วยยาเพียงเพื่อลดอาการต่าง ๆ ให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้น อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัสในผู้ป่วยที่มีอาการมากหรือมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคที่รุนแรงขึ้น
  4. ควรพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 7 – 9 ชั่วโมง ดื่มน้ำและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้เพียงพอ ครบถ้วน
  5. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
  6. ออกกำลังกายเบา ๆ เช่นเดิน ยกขาสลับบนเตียง เป็นเวลา 6 นาทีต่อวัน, ฝึกการหายใจเข้าออกลึก ๆ โดยหายใจเข้าทางจมูกและเป่าออกทางปากช้า ๆ
  7. ดูแลสุขภาพจิตใจเพื่อช่วยรับมือกับภาวะความเครียดที่อาจจะเกิดขึ้น หากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด พูดคุยกับบุคคลอื่นผ่านทางโทรศัพท์หรืการสนทนาออนไลน์
New call-to-action

อาการที่บ่งบอกว่าแย่ลงต้องไปโรงพยาบาล

หมั่นประเมินอาการตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบว่าผู้ป่วยมีอาการแสดงหรือสัญญาณชีพต่าง ๆ แย่ลง ควรไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์

อาการแสดงหรือสัญญาณชีพฉุกเฉินมีดังนี้

  1. รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก
  2. สับสน ซึมลง หรือเรียกไม่รู้สึกตัว
  3. ผิวหนัง ริมฝีปาก หรือเล็บ มีสีซีดเทา
  4. วัดออกซิเจนปลายนิ้วได้น้อยกว่า 96%
  5. มีไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียล เป็นระยะเวลานานกว่า 24 ชั่วโมง
  6. อัตราการหายใจเร็วกว่า 25 ครั้งต่อนาที

การป้องกันผู้อื่น สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

  1. ให้อยู่ที่บ้าน ไม่ควรออกไปที่ชุมชน ยกเว้นไปพบแพทย์ตามนัด และควรหลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ เช่น รถประจำทาง, รถไฟฟ้า หรือ รถแท็กซี่ทั่วไป
  2. เมื่ออยู่บ้าน ให้ท่านแยกตัวจากผู้อื่นในบ้านเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น ควรอยู่ในห้องแยกตามลำพัง และอยู่ห่างจากผู้อื่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมถึงการแยกรับประทานอาหารในห้องส่วนตัว เปิดกระจกให้อากาศถ่ายเทสะดวก แยกใช้ห้องน้ำจากผู้อื่นถ้าทำได้
  3. หลีกเลี่ยงการใช้พื้นที่ส่วนรวมในบ้าน เมื่อจำเป็นต้องใช้พยายามใช้พื้นที่ส่วนรวมให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น เปิดอากาศให้ถ่ายเทในครัวหรือพื้นที่ส่วนรวม รักษาระยะห่างจากคนอื่นในครอบครัวอย่างน้อย 6 ฟุต หรือ 2 เมตร
  4. ทำความสะอาดพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย ๆ ในห้องทุกวัน เช่น ลูกบิดประตู สวิตช์ไฟ เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ และโต๊ะเคาน์เตอร์ต่าง ๆ ด้วยน้ำยาทำความสะอาดพื้นผิว หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ 70%
  5. หลีกเลี่ยงการใช้ของส่วนตัวร่วมกัน เช่น ภาชนะในการรับประทานอาหาร ผ้าเช็ดตัว เครื่องนอน และเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์
  6. สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ใกล้กับผู้อื่นในบ้าน และเปลี่ยนหน้ากากอนามัยทุกวันหรือทุกครั้งที่หน้ากากอนามัยสกปรกหรือเปียก
  7. ปิดปากและจมูกด้วยกระดาษทิชชูเมื่อมีอาการไอหรือจาม ทิ้งกระดาษทิชชู และล้างมือให้สะอาด
  8. ควรล้างมืออย่างสม่ำเสมอด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อยเป็นเวลา 20 วินาที หรือใช้แอลกอฮอล์ล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มากกว่า 60% แอลกอฮอล์
  9. การซักทำความสะอาดเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอน ควรใช้น้ำร้อน และตากให้แห้งสนิท โดยเสื้อผ้าและเครื่องนอนของผู้ป่วยสามารถซักรวมกับของผู้อื่นในบ้านได้ ยกเว้นกรณีที่มีการปนเปื้อนสารคัดหลั่งจากร่างกาย จะต้องแยกซัก
  10. ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรง ให้แยกตัวและปฎิบัติตัวตามข้อปฎิบัติเมื่อรักษาตัวที่บ้าน จนครบอย่างน้อย 10 วันโดยนับจากวันแรกที่มีอาการหรือวันที่ตรวจพบเชื้อ
  11. ผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจจะมีระยะแพร่กระจายเชื้อที่นานกว่าคนทั่วไป ผู้ป่วยจะต้องแยกตัวและปฏิบัติตามข้อควรระวังอย่างน้อย 20 วัน

การสิ้นสุดการกักตัวรักษาตัวที่บ้าน

  1. ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรง ให้แยกตัวและปฎิบัติตัวตามข้อปฎิบัติเมื่อรักษาตัวที่บ้าน จนครบอย่างน้อย 10 วันโดยนับจากวันแรกที่มีอาการหรือวันที่ตรวจพบเชื้อ
  2. ผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจจะมีระยะแพร่กระจายเชื้อที่นานกว่าคนทั่วไป ผู้ป่วยจะต้องแยกตัวและปฏิบัติตามข้อควรระวังอย่างน้อย 20 วัน
New call-to-action

บทความล่าสุด

ริดสีดวงทวาร

ริดสีดวงทวาร กับปัญหาหนักใจที่แก้ไขได้ รักษาเร็ว ฟื้นตัวไว

อ่านเพิ่มเติม
ผ่าตัดไส้เลื่อน

ผ่าตัดไส้เลื่อน วิธีรักษาไส้เลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

อ่านเพิ่มเติม
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

ผู้หญิงควรรู้! เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่คืออะไร มีสัญญาณเตือนอย่างไรบ้าง?

อ่านเพิ่มเติม
ดูบทความทั้งหมด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V

ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

  • Praram 9 Hospital
  • @praram9hospital

แพทย์ผู้เขียนบทความ

พญ.รับพร ทักษิณวราจาร

พญ.รับพร ทักษิณวราจาร

ศูนย์สมองและระบบประสาท

นัดหมาย

ประวัติเพิ่มเติม

 

ศูนย์แพทย์

ศูนย์สมองและระบบประสาท

ศูนย์สมองและระบบประสาท

เยี่ยมชม

ดูทั้งหมด

บทความอื่นๆ

ริดสีดวงทวาร

ริดสีดวงทวาร กับปัญหาหนักใจที่แก้ไขได้ รักษาเร็ว ฟื้นตัวไว

ริดสีดวงทวาร มีสาเหตุมาจากการเพิ่มแรงดันในช่องทวารหนัก ทำให้เนื้อเยื่อหลอดเลือดในช่องทวารหนัก (Anal cushion) เกิดการขยายตัวเป็นหัวริดสีดวง

อ่านเพิ่มเติม
ผ่าตัดไส้เลื่อน

ผ่าตัดไส้เลื่อน วิธีรักษาไส้เลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

ผ่าตัดไส้เลื่อน เป็นวิธีรักษาไส้เลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด โดยเฉพาะการผ่าแบบส่องกล้อง จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และลดการเป็นซ้ำได้

อ่านเพิ่มเติม
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

ผู้หญิงควรรู้! เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่คืออะไร มีสัญญาณเตือนอย่างไรบ้าง?

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) คือภาวะที่เนื้อเยื่อในโพรงมดลูกเจริญนอกมดลูก เช่น รังไข่หรือท่อนำไข่ ทำให้เกิดการอักเสบและปวดท้องประจำเดือนรุนแรง

อ่านเพิ่มเติม
อ่านบทความทั้งหมด
Facebook-f Youtube Instagram Line
  • 1270
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • นัดหมาย
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ข่าว และกิจกรรม รพ.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข

Copyright © 2025 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา