Skip to content
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา

มะเร็งตับปฐมภูมิ (หรือมะเร็งของเซลล์ตับ) โรคมะเร็งที่พบบ่อย ป้องกันและรักษาได้อย่างไรบ้าง?

นพ.ปรเมษฐ์ เหลืองอ่อน

บทความ

โรงพยาบาลพระรามเก้า

  • วันที่โพสต์ 8 พฤศจิกายน 2023
มะเร็งตับป้องกันและรักษาได้

มะเร็งตับปฐมภูมิ คือ มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ตับเอง ซึ่งในที่นี้เราจะกล่าวถึง  hepatocellular carcinoma (HCC) ไม่รวมกับมะเร็งท่อน้ำดีในตับ  

hepatocellular carcinoma (HCC) เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เเละยังเป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับที่ 1 ในเพศชายเเละอันดับที่ 3 ในเพศหญิง ตามสถิติขององค์การอนามัยโลก โดยเป็นมะเร็งที่มีอัตราเสียชีวิตสูงมาก จากการศึกษาพบว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งตับที่ไม่ได้รับการรักษามีอัตราการรอดชีวิตใน 1 ปีเพียง 17.5% เเละอัตราการรอดชีวิตภายใน 2 ปีอยู่ที่ 7.3% ซึ่งมะเร็งตับปฐมภูมิ ชนิด HCC ในระยะเเรกเริ่มมักไม่แสดงอาการเเละตรวจพบยากทำให้มะเร็งลุกลามก่อนตรวจพบเเละได้รับการรักษาซึ่งมะเร็งตับในระยะแรกเริ่มสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัดหรือใช้จี้ความร้อนหรือการเปลี่ยนถ่ายตับ จึงไม่ควรละเลยการตรวจคัดกรองเพื่อการป้องกันโรคมะเร็งชนิดนี้ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ

สนใจนัดหมายแพทย์

สารบัญ

  • มะเร็งตับเกิดจากอะไร?
  • อาการของโรคมะเร็งตับ
  • มะเร็งตับมีกี่ระยะ?
  • การวินิจฉัยโรคมะเร็งตับ
  • มะเร็งตับรักษาหายไหม?
  • การรักษามะเร็งตับ
  • การป้องกันโรคมะเร็งตับ
  • สรุป

มะเร็งตับปฐมภูมิชนิด HCC เกิดจากอะไร?

สาเหตุสำคัญของโรคมะเร็งตับปฐมภูมิชนิด HCC ได้แก่

  1. การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (hepatitis B) โดยพบว่าประเทศไทยมีผู้ที่เป็นโรคไวรัสตับบีมากถึง 2.2 ล้านคน เเละอาจพบเป็นผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบอยู่ในร่างกายที่ไม่มีอาการ เเต่สามารถเเพร่ให้ผู้อื่นได้ โดยการเเพร่จากมารดาสู่บุตร การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ เเละจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย รวมไปถึงการใช้เข็มฉีดยาหรือของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ติดเชื้อ ซึ่งความอันตรายของไวรัสตับอักเสบบี คือ ผู้ป่วยสามารถเป็นมะเร็งตับโดยที่ไม่ต้องเป็นตับแข็งก่อน
  2. โรคตับเเข็งจากสาเหตุต่าง เช่น การดื่มสุรา ไขมันเกาะตับ ไวรัสตับอักเสบซ๊ เเละตับเเข็งที่เกิดจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกันร่างกายที่ทำลายเซลล์ตับ
  3. การได้รับสารอะฟลาท็อกซิน (aflatoxin) ซึ่งเป็นสารพิษที่เกิดจากการปนเปื้อนของเชื้อราในอาหารเเห้งหลายชนิด เช่น ถั่ว ข้าวโพด พริกเเห้ง เมล็ดธัญพืชต่าง ๆ

ดังนั้นเนื่องจากสาเหตุของการเกิดมะเร็งตับชนิด HCC ตามที่กล่าวเบื้องต้น แนวทางการตรวจคัดกรองมะเร็งตับชนิด HCC ในประเทศไทย จึงแนะนำให้ตวจคัดกรองในผู้ป่วยที่เป็นไวรัสตับอักเสบบี หรือเป็นตับแข็งจากสาเหตุอื่นๆ ด้วยการตรวจอัลตราซาวน์ตับ และเจาะค่ามะเร็งตับ Alfa-fetoprotein ทุก 6 เดือน

> กลับสู่สารบัญ

อาการของโรคมะเร็งตับปฐมภูมิชนิด HCC

โรคมะเร็งตับในระยะเริ่มเเรกมักไม่มีอาการที่ชัดเจน โดยอาจพบก้อนมะเร็งขนาดเล็ก 2-3 เซนติเมตร ซึ่งมักจะพบจากการตรวจอัลตราซาวนด์ตับเเละการตรวจเลือดค่า AFP การตรวจพบมะเร็งตับในระยะเริ่มต้นนี้จะมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้

อาการแสดงของโรคมะเร็งตับจะเกิดขึ้นเมื่อตัวเซลล์มะเร็งมีขนาดมากกว่า 10 เซนติเมตรขึ้นไปซึ่งเป็นระยะที่รักษาให้หายขาดได้ยาก โดยมักมีอาการดังนี้

  • ปวดท้องใต้ชายโครงขวาเรื้อรัง โดยมีอาการคล้ายโรคกระเพาะ
  • เบื่ออาหารเเละน้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • เเน่นท้อง ท้องผูก เเละอาจมีไข้ต่ำ ๆ เป็นเวลานาน ๆ
  • คลำพบก้อนขนาดใหญ่บริเวณช่องท้อง
  • อาการอื่น ๆ ที่เกิดจากภาวะตับเเข็ง เช่น ตัวเหลือง ตาเหลือง เเละท้องโตขึ้นผิดปกติ

> กลับสู่สารบัญ

มะเร็งตับปฐมภูมิชนิด HCC มีกี่ระยะ?

มะเร็งตับสามารถเเบ่งได้ 5 ระยะโดยเเบ่งตามขนาดของเซลล์มะเร็งเเละการลุกลาม ได้แก่

1.ระยะเเรกเริ่ม (very early stage)

จะพบก้อนมะเร็งขนาดเล็กกว่า 2 เซนติเมตรโดยยังไม่ลุกลามเข้าไปยังหลอดเลือดในตับ ในระยะนี้สามารถตรวจพบได้น้อยมาก โดยสามารถตรวจพบได้เพียง 30% เท่านั้น

2.ระยะแรก (early stage)

จะพบก้อนมะเร็งขนาดใหญ่กว่า 2 เซนติเมตรเพียงก้อนเดียว หรือ ก้อนที่มีขนาดเล็กกว่า 3 เซนติเมตรไม่เกิน 3 ก้อน

3.ระยะกลาง (intermediate stage)

จะพบก้อนมะเร็งจำนวนหลายก้อน โดยระยะนี้ผู้ป่วยจะไม่สามารถทำการรักษาโดยการผ่าตัดได้เเละหากไม่ได้รับการรักษาจะมีอัตราการเสียชีวิตสูงมาก

4.ระยะแพร่กระจาย (advanced stage)

โดยเซลล์มะเร็งในระยะนี้จะลุกลามเข้าไปยังต่อมน้ำเหลือง หลอดเลือดดำ เเละอวัยวะอื่น ๆ โดยผู้ป่วยกลุ่มนี้มีอัตราการรอดชีวิตใน 1 ปี เพียง 25% เท่านั้น

5.มะเร็งตับระยะสุดท้าย (end-stage)

ในระยะนี้การทำงานของตับจะเหลือน้อยมาก ๆ เเละผู้ป่วยจะมีอาการปวดรุนเเรงมากเเละมีภาวะเเทรกซ้อนต่าง ๆ ร่วมด้วย ซึ่งในระยะนี้ผู้ป่วยจะมีอัตราการรอดชีวิตใน 1 ปี เพียง 11%

> กลับสู่สารบัญ

การวินิจฉัยโรคมะเร็งตับปฐมภูมิชนิด HCC

การตรวจวินิจฉัยมะเร็งตับปฐมภูมิชนิดHCCสามารถทำการตรวจคัดกรองได้จากการตรวจสุขภาพประจำปี แต่หากจำเป็นต้องตรวจให้ละเอียดและแม่นยำมากขึ้นควรได้รับการตรวจจากแพทย์เฉพาะทางโรคตับและทางเดินอาหาร ซึ่งการตรวจวินิจฉัยมะเร็งตับสามารถตรวจได้ดังนี้

  1. การตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้อง เป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด เนื่องจากสามารถวินิจฉัยโครงสร้างเเละความผิดปกติของตับได้ เช่น ลักษณะของเนื้องอกในตับ ไขมันพอกตับ เเละตับอักเสบ เเละยังสามารถบอกภาวะการถูกทำลายของตับได้ เเต่มีข้อจำกัดในผู้ป่วยที่มีภาวะตับเเข็ง การตรวจด้วยวิธีนี้จะไม่สามารถจำเเนกชนิดของเนื้องอกในตับได้
  2. การตรวจเลือด เพื่อดูค่าการทำงานของตับ
  3. การตรวจวัดสารก่อมะเร็งในเลือด หรือ alpha-fetoprotien (AFP) เป็นการตรวจเพื่อหาสารโปรตีนชนิดพิเศษ ที่สามารถบ่งบอกถึงมะเร็งตับในระยะเริ่มต้น
  4. การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (computed tomography; CT SCAN) โดยแพทย์อาจพิจารณาการตรวจ CT scan แบบต้องฉีดสารทึบรังสีเข้าทางหลอดเลือดดำ หรือแบบไม่ต้องฉีดสารทึบรังสี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย การตรวจ CT scan จะทำให้ทราบถึงลักษณะของเนื้อตับว่าปกติหรือไม่ และยังบอกถึงการลุกลามของเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย 
  5. การตรวจด้วยคลื่นเเม่เหล็กไฟฟ้า (magnetic resonance imaging; MRI) เพื่อดูลักษณะก้อนมะเร็งอย่างละเอียดหรือเนื้องอกในบริเวณตับ รวมไปถึงดูการลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ

> กลับสู่สารบัญ

มะเร็งตับปฐมภูมิชนิด HCC รักษาหายไหม?

โรคมะเร็งตับปฐมภูมิชนิด HCC มีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ หากตรวจพบเร็วเเละอยู่ในระยะเริ่มต้นถึงระยะกลาง โดยอาจทำการรักษาด้วยการผ่าตัด หรือทำการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ตามคำเเนะนำของเเพทย์ ร่วมกับการปฎิบัติตัวเเละดูเเลตัวเองอย่างเหมาะสม

> กลับสู่สารบัญ

การรักษามะเร็งตับชนิด HCC

การรักษาโรคมะเร็งตับปฐมภูมิ ชนิด HCC เเพทย์จะให้คำเเนะนำเเละปรึกษากับผู้ป่วยเเละครอบครัวเพื่อเลือกเเนวทางการรักษาที่เหมาะสม โดยเเนวทางการรักษาในเเต่ผู้ป่วยเเต่ละรายจะขึ้นกับขนาด จำนวนเเละตำแหน่งของเซลล์มะเร็ง รวมไปถึงภาวะต่าง ๆ เเละโรคประจำตัวของผู้ป่วยเเต่ละราย โดยเเนวทางการรักษาสามารถจำเเนกได้ตามระยะของโรคดังนี้

1.ระยะที่สามารถรักษาให้หายขาดได้

การรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยมะเร็งตับที่มีก้อนมะเร็งไม่เเพร่กระจายออกนอกตับ เเละผู้ป่วยมีสภาพร่างกายเเข็งเเรง ซึ่งการรักษาผผู้ป่วยที่ยังสามารถรักษาให้หายขาดได้ สามารถทำได้ 3 วิธี

  1. การผ่าตัดตับออกบางส่วน เหมาะกับผู้ป่วยที่มีมะเร็งระยะแรกเริ่มและระยะแรก ที่การทำงานของตับยังทำงานได้ดี และผู้ป่วยมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
  2. การทำลายเซลล์มะเร็งตับด้วยความร้อน (thermal ablation) เหมาะกับผู้ป่วยที่มีมะเร็งระยะแรกเริ่มและระยะแรก ที่ก้อนมะเร็งขนาดไม่เกิน 3-5 cm ซึ่งผลการรักษามีอัตราการรอดชีวิตไกล้เคียงกับการผ่าตัด แต่มีโอกาสกลับเป็นซ้ำมากกว่าการผ่าตัดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยที่สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงและ การทำงานของตับไม่สมบูรณ์
  3. เปลี่ยนตับ (liver transplantation) ถือเป็นทางเลือกหนึ่งของการรักษา แต่อย่างไรก็ตามต้องคัดเลือกผู้ป่วยที่เหมาะสมสำหรับการรักษาด้วยวิธีนี้ด้วย

2.การรักษามะเร็งตับที่ลุกลามเฉพาะที่

การรักษามะเร็งตับที่ลุกลามเฉพาะที่ เเต่ไม่สามารถผ่าตัดได้เนื่องจากผู้ป่วยมีภาวะตับเเข็งหรือมีก้อนมะเร็งติดกับหลอดเลือดใหญ่ในตับ รวมไปถึงผู้ที่มีความเสี่ยงการเสียชีวิตจากการผ่าตัดสูง จึงจำเป็นต้องทำการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น

  • การให้ยามุ่งเป้า(targeted therapy) หรือการให้ยาอิมมูน(immunotherapy)เพื่อยับยั้งการเเบ่งตัวของเซลล์มะเร็งตับ
  • การฉีดยาเคมีบำบัดเฉพาะที่ (transarterial chemoembolization; TACE) เป็นการรักษาโดยการให้ยาเคมีบำบัดเข้าไปยังหลอดเลือดแดงในตับที่เลี้ยงก้อนเซลล์มะเร็งโดยตรงร่วมกับการอุดกั้นหลอดบริเวณนั้น เพื่อให้ก้อนมะเร็งขาดเลือดเเละสลายไปเอง
  • การอุดกั้นหลอดเลือดแดงของตับด้วยสารกัมมันตรังสี (radioembolization) เป็นทางเลือกการรักษาเพื่อทำลายก้อนมะเร็งและลดขนาดของก้อนมะเร็งตับ
  • การฉายแสงที่ตับ (radiotherapy)

3.การรักษามะเร็งตับในระยะสุดท้าย

ในระยะนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยจะทำการรักษาได้เพียงชะลอให้เซลล์มะเร็งเเพร่กระจายตัวช้าลง หรือลดอาการปวด เป็นการรักษาแบบประคับประคอง เพื่อให้ผู้ป่วยในระยะนี้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

สนใจนัดหมายแพทย์

> กลับสู่สารบัญ

การป้องกันโรคมะเร็งตับปฐมภูมิชนิด HCC

การป้องกันโรคมะเร็งตับทำได้โดย 2 วิธีหลัก ๆ คือ การสร้างภูมิคุ้มกันเเละการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง

  1. การสร้างภูมิคุ้มกัน ทำได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอเเละบี ร่วมกับสังเกตอาการผิดปกติด้วยตนเอง เเละตรวจสุขภาพประจำปีเป็นประจำทุกปี
  2. การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น
  • ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเเละซี
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสเลือดเเละสารคัดหลั่งของผู้อื่นโดยตรง ควรสวมใส่ถุงมือยางทุกครั้ง เเละไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่นเช่น ใบมีดโกนหนวด เข็มเจาะหู หรือเข็มที่ใช้ในการสักผิวหนัง
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีความเสี่ยงปนเปื้อนเชื้อรา เช่น ถั่วลิสง พริกแห้ง พริกป่น กระเทียม ข้าวโพดเเละเต้าเจี้ยว และไม่ควรเก็บอาหารจำพวกนี้ไว้เป็นเวลานานเพราะอาจมีเชื้อราที่ก่อมะเร็งได้ 
  • หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปต่าง ๆ  เช่น อาหารใส่สารกันบูด แฮม ไส้กรอก ปลาเค็ม กุนเชียง กุ้งเเห้ง
  • ไม่รับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ เช่น ปลาน้ำจืดที่ไม่ผ่านการปรุงสุก หรืออาหารหมัก เช่น ปลาร้า เเหนม ปลาจ่อม เพื่อป้องกันการเกิดพยาธิ
  • งดดื่มสุราเเละงดสูบบุหรี่
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เเละรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม

> กลับสู่สารบัญ

สรุป

มะเร็งตับปฐมภูมิชนิด HCC เป็นมะเร็งที่มีอัตราการตายสูงเเละไม่มีอาการในระยะเเรกเริ่ม ทำให้ผู้ป่วยส่วนหนึ่งมาพบแพทย์เมื่ออาการของโรคเข้าสู่ระยะลุกลามไปแล้ว  การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นประจำ และการฉีดวัคซีนจะช่วยป้องกันโรคมะเร็งตับได้ โดยหากตรวจพบได้ตั้งแต่ในระยะเเรก ๆ เเละระยะกลางเเล้วทำการรักษาต่อเนื่องกับทีมเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเเละปฎิบัติตามคำเเนะนำของเเพทย์ ก็จะสามารถทำให้มีโอกาสหายขาดจากโรคมะเร็งตับได้สูงมาก

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

สนใจนัดหมายแพทย์

> กลับสู่สารบัญ

บทความล่าสุด

ริดสีดวงทวาร

ริดสีดวงทวาร กับปัญหาหนักใจที่แก้ไขได้ รักษาเร็ว ฟื้นตัวไว

อ่านเพิ่มเติม
ผ่าตัดไส้เลื่อน

ผ่าตัดไส้เลื่อน วิธีรักษาไส้เลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

อ่านเพิ่มเติม
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

ผู้หญิงควรรู้! เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่คืออะไร มีสัญญาณเตือนอย่างไรบ้าง?

อ่านเพิ่มเติม
ดูบทความทั้งหมด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V

ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

  • Praram 9 Hospital
  • @praram9hospital

แพทย์ผู้เขียนบทความ

Dr.-Poramet-Luangon

นพ.ปรเมษฐ์ เหลืองอ่อน

ศูนย์ศัลยกรรม

นัดหมาย

ประวัติเพิ่มเติม

 

ศูนย์แพทย์

ศูนย์ศัลยกรรม_1-1

ศูนย์ศัลยกรรม

เยี่ยมชม

ดูทั้งหมด

บทความอื่นๆ

ริดสีดวงทวาร

ริดสีดวงทวาร กับปัญหาหนักใจที่แก้ไขได้ รักษาเร็ว ฟื้นตัวไว

ริดสีดวงทวาร มีสาเหตุมาจากการเพิ่มแรงดันในช่องทวารหนัก ทำให้เนื้อเยื่อหลอดเลือดในช่องทวารหนัก (Anal cushion) เกิดการขยายตัวเป็นหัวริดสีดวง

อ่านเพิ่มเติม
ผ่าตัดไส้เลื่อน

ผ่าตัดไส้เลื่อน วิธีรักษาไส้เลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

ผ่าตัดไส้เลื่อน เป็นวิธีรักษาไส้เลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด โดยเฉพาะการผ่าแบบส่องกล้อง จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และลดการเป็นซ้ำได้

อ่านเพิ่มเติม
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

ผู้หญิงควรรู้! เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่คืออะไร มีสัญญาณเตือนอย่างไรบ้าง?

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) คือภาวะที่เนื้อเยื่อในโพรงมดลูกเจริญนอกมดลูก เช่น รังไข่หรือท่อนำไข่ ทำให้เกิดการอักเสบและปวดท้องประจำเดือนรุนแรง

อ่านเพิ่มเติม
อ่านบทความทั้งหมด
Facebook-f Youtube Instagram Line
  • 1270
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • นัดหมาย
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ข่าว และกิจกรรม รพ.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข

Copyright © 2025 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา