Skip to content
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา

กระดูกสะโพกหัก ปัญหาใหญ่ของผู้สูงอายุ

รศ.นพ.พฤกษ์ ไชยกิจ

บทความ

โรงพยาบาลพระรามเก้า

  • วันที่โพสต์ 10 พฤษภาคม 2024
กระดูกสะโพกหัก

ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ซึ่งทำให้ปัญหาสุขภาพ ของผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยคือ การพลัดตก หกล้มของผู้สูงอายุ จากข้อมูลของกองป้องกันการบาดเจ็บกรมควบคุมโรค พบว่า ผู้สูงอายุจำนวน 1 ใน 3 จะประสบอุบัติเหตุพลัดตกหกล้มทุกปี และโดยจะมีผู้สูงอายุ กว่าหมื่นรายที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อสะโพกจนต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาใน โรงพยาบาล นอกจากนี้ที่สำคัญยังพบว่ามากกว่า 20% ของผู้สูงอายุที่มีข้อสะโพกหัก ดังกล่าวมีโอกาสเสียชีวิตภายใน 1 ปี

ดังนั้น “กระดูกสะโพกหัก” ที่เกิดจากการพลัดตกหกล้มจึงเป็นปัญหาสุขภาพสำคัญ ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะส่งผลให้เกิดความพิการและเสียชีวิตในผู้สูงอายุ บทความนี้จะกล่าวถึงภาวะกระดูกสะโพกหักในหลาย ๆ ด้าน ทั้งสาเหตุ อาการ การรักษา และวิธีป้องกัน เพื่อช่วยดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

สารบัญ

  • กระดูกสะโพกหัก คืออะไร?
  • อาการกระดูกสะโพกหัก
  • สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของกระดูกสะโพกหัก
  • กระดูกสะโพกหัก ทำอย่างไรดี?
  • วิธีวินิจฉัยกระดูกสะโพกหัก
  • วิธีการรักษากระดูกสะโพกหัก
  • ช่วงเวลา (ฤดู) ที่ผู้สูงอายุสะโพกหักกันมากที่สุดในแต่ละปี
  • การป้องกันกระดูกสะโพกหัก
  • สรุป

กระดูกสะโพกหัก คืออะไร?

กระดูกสะโพกหักเป็นภาวะกระดูกหักของกระดูกส่วนต้นของกระดูกต้นขา (femur) ใกล้กับข้อสะโพก ซึ่งมักเกิดในผู้สูงอายุที่ล้มแม้เพียงเล็กน้อย เนื่องจาก ผู้สูงอายุมักมีโรคกระดูกพรุนร่วมด้วยเสมอ   แต่สำหรับคนหนุ่มสาว การเกิดกระดูกสะโพกหักมักเกิดจากอุบัติเหตุรุนแรง เช่น การตกจากที่สูง หรืออุบัติเหตุทางจราจร เป็นต้น

การรักษาที่ทันท่วงทีและถูกต้องเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงของภาวะ แทรกซ้อนและช่วยฟื้นฟูการเคลื่อนไหวให้กลับมาใกล้เคียงปกติมากที่สุด เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

> กลับสู่สารบัญ

อาการกระดูกสะโพกหัก

 

  1. ปวดรุนแรงบริเวณสะโพกหรือโคนขา: เมื่อกระดูกสะโพกหัก ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดอย่างรุนแรงที่บริเวณสะโพกหรือขา โดยเฉพาะเมื่อพยายามขยับหรือกดน้ำหนักลงบนขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บ อาการปวดมักจะเป็นแบบเฉียบพลันและไม่หายไป แม้จะหยุดเคลื่อนไหวแล้วก็ตาม
  2. ขยับสะโพกหรือขาได้ลำบาก: ผู้ป่วยอาจพบว่าไม่สามารถขยับสะโพกหรือขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บได้ตามปกติ การเคลื่อนไหวอาจจำกัดหรือทำได้แค่บางท่าเท่านั้น โดยเฉพาะการยกขาหรือหมุนขา
  3. บวม ช้ำ หรือมีรอยฟกช้ำรอบสะโพก: บริเวณที่กระดูกเกิดการแตกหักมักจะมีอาการบวมและฟกช้ำเนื่องจากการฉีก ขาดของหลอดเลือดใต้ผิวหนัง ทำให้มีเลือดออกเห็นเป็นสีดำเขียวใต้ผิวหนัง   บางครั้งอาจเห็นรอยฟกช้ำที่ขาหรือสะโพกซึ่งจะขยายขนาดตามเวลาหลังการบาดเจ็บ
  4. ขาข้างที่บาดเจ็บดูสั้นลงหรือบิดผิดรูป: เมื่อเกิดการหักที่กระดูกสะโพก จะมีการเคลื่อนตัวซ้อนกันของกระดูก ทำให้ขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บอาจดูสั้นลง กว่าข้างที่ไม่บาดเจ็บ และขามักมีลักษณะบิดออกด้านนอก (external rotation) ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนจากลักษณะที่ผิดปกติของขา
  5. ไม่สามารถยืนหรือเดินได้: เมื่อกระดูกสะโพกหัก ผู้ป่วยมักจะไม่สามารถยืน หรือเดินได้ เพราะไม่สามารถลงน้ำหนักที่ขาข้างที่บาดเจ็บได้ 
  6. มีการขยับผิดท่าหรือการเคลื่อนไหวผิดปกติ: ผู้ป่วยอาจรู้สึกว่าไม่สามารถ เคลื่อนไหวได ตามปกติหรือเมื่อพยายามขยับขาจะรู้สึกเจ็บปวดรุนแรง 

อาการเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณของกระดูกสะโพกหักที่ควรได้รับการตรวจจากแพทย์ โดยทันที การปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ที่รุนแรงได้

> กลับสู่สารบัญ

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของกระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุ

  • ภาวะกระดูกพรุน: เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกจะบางลงและสูญเสียความแข็งแรง ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการหักแม้จะไม่ได้เกิดอุบัติเหตุรุนแรง เช่น การหกล้ม เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้กระดูกหักได้ โดยเฉพาะในบริเวณกระดูกสะโพก ที่มีความเสี่ยงที่จะหักได้ง่าย
  • การเปลี่ยนแปลงทางสายตา:ในผู้สูงอายุที่มีสายตายาว เกิดต้อกระจก หรือปัญหาลานสายตาที่แคบลงอาจทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน โดยเฉพาะ ในที่มืดหรือในที่ที่สภาพแสงน้อย ทำให้ผู้สูงอายุสะดุด หรือเสียหลักได้ง่าย ทำให้หกล้ม ซึ่งอาจทำให้กระดูกหักได้
  • กล้ามเนื้อเสื่อมสภาพ: กล้ามเนื้อจะค่อย ๆ อ่อนแอลงเมื่อไม่ได้ใช้งาน ทำให้ผู้สูงอายุทรงตัวได้ไม่ดี ทำให้มีโอกาสในการหกล้มง่าย
  • การทรงตัวที่แย่ลง: ระบบประสาทสมอง ไขสันหลังที่เสื่อมสภาพตามอายุ ทำให้ความสามารถการควบคุมการทรงตัวลดลง เสี่ยงต่อการล้มได้ง่ายขึ้น
  • สาเหตุอื่น ๆ ที่เพิ่มความเสี่ยง
    • ยาบางประเภท เช่น ยานอนหลับ ยาลดความดัน โลหิต หรือยาที่ทำให้เวียนศีรษะ อาจส่งผลต่อการรับรู้ การทรงตัว เพิ่มความเสี่ยงในการพลัดตกหกล้ม
    • โรคที่มีผลกระทบต่อระบบประสาทหรือการเคลื่อนไหว เช่น โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง อาจทำให้การทรงตัวไม่ดี และเพิ่มความเสี่ยงต่อการหกล้ม
    • สภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย การเดินในที่ที่มีพื้นผิวลื่นหรือมีสิ่งกีดขวาง เช่น พื้นที่มีขอบสันนูนอาจทำให้สะดุดเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มได้ง่าย

> กลับสู่สารบัญ

กระดูกสะโพกหัก ทำอย่างไรดี?

หากสงสัยว่ามีอาการกระดูกสะโพกหัก เช่น ปวดสะโพกจนขยับไม่ได้ ยืนหรือเดินไม่ได้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด เพราะการปล่อยไว้จะเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงตามมา เช่น

  • แผลกดทับ: การนอนติดเตียงเพียง 1-2 วัน อาจทำให้เกิดแผลกดทับ ซึ่งเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อ
  • กล้ามเนื้อขาลีบ: เมื่อขาไม่ได้ใช้งาน กล้ามเนื้อจะอ่อนแรง ถ้าเป็นมากอาจ ลุกเดินไม่ได้
  • ภาวะปอดบวม: การนอนติดเตียง ขยัยตัวน้อย ทำให้ปอดทำงานไม่เต็มที่ เสี่ยงต่อการที่ปอดชื้น ปอดแฟบ และติดเชื้อในปอด
  • การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ: การขับถ่ายปัสสาวะลำบากจากการนอนติดเตียง หรือถ่ายปัสสาวะไม่ได้ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
  • ลิ่มเลือดอุดตัน: การนอนไม่ขยับขา เพิ่มความเสี่ยงของลิ่มเลือดอุดตัน ในขาหรือปอด ซึ่งอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

> กลับสู่สารบัญ

วิธีวินิจฉัยกระดูกสะโพกหัก

การวินิจฉัยกระดูกสะโพกหักจำเป็นต้องอาศัยการตรวจร่างกายโดยแพทย์ร่วมกับ การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยยืนยันการหักของกระดูก ซึ่งขั้นตอนการวินิจฉัยมีดังนี้

  1. ซักประวัติและตรวจร่างกาย
  • แพทย์จะสอบถามประวัติเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ เช่น การหกล้ม หรืออุบัติเหตุ
  • ตรวจหาสัญญาณผิดปกติ เช่น อาการปวดบริเวณสะโพก การบวม การผิดรูป หรือการขยับขาไม่ได้
  1. การตรวจทางรังสีวิทยา (X-ray)
  • เป็นวิธีหลักที่ใช้ตรวจดูการหักของกระดูก โดยเฉพาะบริเวณคอของกระดูกต้นขาหรือข้อสะโพก
  • แพทย์จะสามารถเห็นลักษณะการหัก เช่น การเลื่อน หรือการแตกของกระดูก
  1. การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
  • มักตรวจในกรณีที่ผล X-ray ไม่ชัดเจน หรือสงสัยว่ามีการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อหรือกระดูกพรุนร่วมด้วย
  • เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดสะโพก แต่ผล X-ray ไม่พบการหักอย่างชัดเจน
  1. การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)
  • ใช้เพื่อดูรายละเอียดของกระดูกในมุมที่ X-ray ทั่วไปไม่สามารถแสดงได้
  • เหมาะสำหรับการประเมินการหักที่ซับซ้อนและใช้วางแผนการผ่าตัด

> กลับสู่สารบัญ

วิธีการรักษากระดูกสะโพกหัก

การรักษากระดูกสะโพกหักต้องพิจารณาจากความรุนแรงของการหัก สภาพร่างกาย และอายุของผู้ป่วย โดยวิธีรักษาหลักมีดังนี้

การผ่าตัด ควรทำโดยเร็ว แนะนำให้ทำภายในเวลา 48 ชั่วโมงหลังจากล้ม เพื่อลดโอกาสที่ผู้ป่วยจะเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการนอนนาน โดยมีทางเลือกคือ

  • การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม (Hip Replacement): ใช้ในกรณีกระดูกสะโพกหักจนเสียหายหนักหรือไม่สามารถสมานได้ เช่น มีการหักที่บริเวณคอกระดูกสะโพก แพทย์จะทำการผ่าตัดโดยเอาหัวกระดูก ออกแล้วทดแทนด้วยข้อสะโพกเทียมเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาเดินได้ ข้อสะโพกเทียมที่ได้ผลดีในผู้สูงอายุที่มีกระดูกพรุนและหัก คือข้อสะโพกเทียม แบบใช้ซีเมนต์ยึดกระดูก โดยจะพบมีภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดน้อยกว่า การใช้ข้อสะโพกเทียมแบบไม่ใช้ซีเมนต์ยึดกระดูก ทั้งนี้ควรผ่าตัด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงจะได้ผลที่ดี
  • การผ่าตัดยึดตรึงกระดูก (Internal Fixation): โดยใช้โลหะยึดกระดูก เหมาะสำหรับกระดูกที่หักบางชนิด 

การรักษาแบบไม่ผ่าตัด ใช้เฉพาะ ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่เหมาะหรือไม่สามารถผ่าตัดได้ เช่น ผู้ป่วยที่มีโรคร่วมที่ซับซ้อน

  • ดึงกระดูก (Traction): เป็นการใช้เครื่องมือช่วยจัดตำแหน่งกระดูกให้เข้าที่ 
  • พักฟื้นบนเตียง (Bed Rest): ต้องระวังภาวะแทรกซ้อนที่กล่าวมาข้างต้น เช่น แผลกดทับ การติดเชื้อในปอด และกล้ามเนื้อลีบ

กายภาพบำบัด

  • ควรเริ่มทำกายภาพบำบัดทันทีหลังการรักษา เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของ กล้ามเนื้อ และการเคลื่อนไหวของข้อ ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาเดิน และทำกิจวัตรประจำวันได้เร็วขึ้น รวมถึงลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น กล้ามเนื้อลีบ หรือความสมดุลในการเดินเสียไป

การรักษาเสริม

  • ยาบรรเทาอาการปวด: เพื่อลดความเจ็บปวดจากการรักษาหรือการผ่าตัด
  • อาหารเสริมแคลเซียมและวิตามินดี: ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก และลดความเสี่ยงกระดูกหักซ้ำ

> กลับสู่สารบัญ

ช่วงเวลา (ฤดู) ที่ผู้สูงอายุสะโพกหักกันมากที่สุดในแต่ละปี

ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ฤดูหนาวจึงกลายเป็นช่วงเวลาที่ผู้สูงอายุต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุที่อาจนำไปสู่กระดูกสะโพกหักและผลกระทบร้ายแรงอื่น ๆ ตามมา

ในต่างประเทศที่อยู่ในเขตหนาว จะพบบ่อยในฤดูหนาว ถือเป็นช่วงเวลาที่ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการหกล้มและกระดูกสะโพกหักเพิ่มขึ้น เนื่องจากอากาศหนาวเย็นมักกระตุ้นให้ผู้สูงอายุปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น ทำให้ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำในช่วงกลางคืน ประกอบกับช่วงเวลาที่ท้องฟ้ามืดเร็ว และสว่างช้ากว่าฤดูกาลอื่น ทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน เสี่ยงต่อการหกล้ม การศึกษาวิจัยในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์เหนือที่พบว่า จำนวนผู้ป่วย กระดูกสะโพกหักในฤดูหนาวเพิ่มขึ้นถึง 8% เมื่อเทียบกับฤดูอื่น

แต่ในประเทศไทยที่อากาศไม่ได้หนาวจัด และไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเรื่อง แสงสว่างมาก พบว่ามีผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักอาจเพิ่มขึ้นตั้งแต่ฤดูฝน ที่มากับความเปียกแฉะ ลื่น ของพื้นผิวที่โดนน้ำ

> กลับสู่สารบัญ

การป้องกันกระดูกสะโพกหัก

  • เสริมความแข็งแรงของกระดูก

รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูง เช่น นม ปลาซาร์ดีน ผักใบเขียว และรับแสงแดดยามเช้าเป็นประจำ

  • ออกกำลังกายที่เหมาะสม

การออกกำลังกายแบบลงน้ำหนัก เช่น เดินเร็ว หรือโยคะ ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกและเสริมสมดุลร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงการหกล้ม

  • จัดบ้านให้ปลอดภัย

เก็บสิ่งของที่เกะกะทางเดิน ติดตั้งไฟในบริเวณที่มืด และใช้พื้นกันลื่นในห้องน้ำ ระวังไม่ควรใช้ผ้าเช็ดเท้าที่ลื่นไถลได้ มีการติดราวพยุงตัวตามจุดเสี่ยงล้ม

  • ตรวจสุขภาพกระดูก

ผู้สูงอายุควรตรวจความหนาแน่นของกระดูกเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น ภาวะกระดูกพรุน หรือมีประวัติหกล้มบ่อย

  • ใช้เครื่องช่วยพยุง สำหรับผู้ที่มีปัญหาการทรงตัว อาจใช้ไม้เท้า หรือเครื่องช่วยเดิน เพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้ม
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเช่น การดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เนื่องจากมีผล ต่อความแข็งแรงของกระดูก และระวังเวลาใช้ยาที่ลดระดับการรับรู้ อาจทำให้ล้มได้โดยง่าย

> กลับสู่สารบัญ

สรุป

กระดูกสะโพกหักเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญในผู้สูงอายุ มักเกิดจากการพลัดตก หกล้ม ซึ่งอาจนำไปสู่การบาดเจ็บร้ายแรงและผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้เสียชีวิตได้  การป้องกันกระดูกสะโพกหักสามารถทำได้โดยการเสริมความแข็งแรงของกระดูก ผ่านการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดี ออกกำลังกาย เพื่อเสริมสมดุลของกระดูกและกล้ามเนื้อ และจัดบ้านให้ปลอดภัย

นอกจากนี้ การตรวจสุขภาพกระดูก และใช้เครื่องช่วยพยุงในการเดิน ก็ช่วยลดความเสี่ยงได้มาก การให้ความสำคัญกับการป้องกันการหกล้ม จะช่วยให้ผู้สูงอายุมีชีวิตที่ปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น

ท้ายที่สุด หากเกิดเหตุกระดูกสะโพกหัก ควรพบแพทย์เพื่อรักษาโดยเร็ว จะช่วยลดอันตรายจากภาวะแทรกซ้อนได้

คลิกดูแพ็กเกจที่เกี่ยวข้องที่นี่

โปรแกรมผ่าตัดข้อสะโพก

รายละเอียด

โปรแกรมตรวจคัดกรองความเสี่ยงกระดูกพรุนอย่างละเอียด (Premium Bone Density Screening)

รายละเอียด

โปรแกรมตรวจคัดกรองข้อเข่าเสื่อม (Knee Screening)

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจความหนาแน่นมวลกระดูก Bone Mineral Density

รายละเอียด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

สนใจนัดหมาย

> กลับสู่สารบัญ

บทความล่าสุด

ริดสีดวงทวาร

ริดสีดวงทวาร กับปัญหาหนักใจที่แก้ไขได้ รักษาเร็ว ฟื้นตัวไว

อ่านเพิ่มเติม
ผ่าตัดไส้เลื่อน

ผ่าตัดไส้เลื่อน วิธีรักษาไส้เลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

อ่านเพิ่มเติม
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

ผู้หญิงควรรู้! เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่คืออะไร มีสัญญาณเตือนอย่างไรบ้าง?

อ่านเพิ่มเติม
ดูบทความทั้งหมด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V

ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

  • Praram 9 Hospital
  • @praram9hospital

แพทย์ผู้เขียนบทความ

รศ.นพ.พฤกษ์ ไชยกิจ

รศ.นพ.พฤกษ์ ไชยกิจ

ศูนย์กระดูกและข้อ

นัดหมาย

ประวัติเพิ่มเติม

 

ศูนย์แพทย์

1200-กระดูกและข้อ

ศูนย์กระดูกและข้อ

เยี่ยมชม

ดูทั้งหมด

บทความอื่นๆ

ริดสีดวงทวาร

ริดสีดวงทวาร กับปัญหาหนักใจที่แก้ไขได้ รักษาเร็ว ฟื้นตัวไว

ริดสีดวงทวาร มีสาเหตุมาจากการเพิ่มแรงดันในช่องทวารหนัก ทำให้เนื้อเยื่อหลอดเลือดในช่องทวารหนัก (Anal cushion) เกิดการขยายตัวเป็นหัวริดสีดวง

อ่านเพิ่มเติม
ผ่าตัดไส้เลื่อน

ผ่าตัดไส้เลื่อน วิธีรักษาไส้เลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

ผ่าตัดไส้เลื่อน เป็นวิธีรักษาไส้เลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด โดยเฉพาะการผ่าแบบส่องกล้อง จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และลดการเป็นซ้ำได้

อ่านเพิ่มเติม
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

ผู้หญิงควรรู้! เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่คืออะไร มีสัญญาณเตือนอย่างไรบ้าง?

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) คือภาวะที่เนื้อเยื่อในโพรงมดลูกเจริญนอกมดลูก เช่น รังไข่หรือท่อนำไข่ ทำให้เกิดการอักเสบและปวดท้องประจำเดือนรุนแรง

อ่านเพิ่มเติม
อ่านบทความทั้งหมด
Facebook-f Youtube Instagram Line
  • 1270
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • นัดหมาย
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ข่าว และกิจกรรม รพ.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข

Copyright © 2025 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา