Skip to content
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา

Heart Health

พญ.พรพิชญา บุญดี

บทความ

โรงพยาบาลพระรามเก้า

  • วันที่โพสต์ 1 ตุลาคม 2021

กาแฟค่านิยมในปัจจุบัน?

ทุกคนคงทราบกันดีว่า กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มกันอย่างแพร่หลายในทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะวัยทำงาน ในหมู่หนุ่มสาวชาวออฟฟิศ และปัจจุบันเป็นที่นิยมมากขึ้นในวัยรุ่นและนักศึกษา

จากการสำรวจในปี 2015 คนไทยบริโภคกาแฟอยู่ที่ 0.9 กก.ต่อคนต่อปี ในปี 2020 กลับมียอดการบริโภคที่มากขึ้นเป็น 1.2 กก. ต่อคนต่อปี และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ * หมายเหตุ กาแฟ 1 กก. สามารถทำกาแฟออกมาได้เฉลีย 50-60 แก้ว ถ้าใช้กาแฟต่อแก้วที่ 17-20 กรัม*

จากการที่กาแฟเป็นที่นิยมอย่างมาก จึงมีการศึกษามากมายถึงคุณสมบัติของกาแฟว่ามีประโยชน์และโทษต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นมารู้จักกาแฟกันคร่าว ๆ ก่อนนะคะ

• กาแฟเป็นพืชในตระกลูวงศ์เข็ม (Rubiaceae) มีผลลักษณะคล้ายผลเบอรี่ (Berry) จากเมล็ดกาแฟสีเขียว ๆ เวลาผลสุกจะมีสีแดงบางสายพันธุ์ผลสุกจะมีสีเหลือง และสีแดงอมม่วง กว่าจะเป็นกาแฟที่พวกเราดื่มกันนั้นต้องผ่านกระบวนการแปรรูปหลายขั้นตอนเริ่มจากการปลูกให้ได้คุณภาพ การเก็บเมล็ดที่ดี การขัดและล้างเมือก (ในกรณที่ทำ process แบบ wash) จนถึงการตากให้แห้ง หลังจากนั้นจึงนำไปสีเปลือกแข็ง (กะลากาแฟ) ออก หลังจากสีกะลาออกแล้วจึงนำไปคัดเมล็ดเสีย และคัดขนาดให้ได้ขนาดที่ใกล้เคียงกันทุกเมล็ดจึงนำไปคั่ว

ซึ่งในกระบวนการการคั่วนี้เองจะเกิดสารที่ชื่อว่า “caffeol หรือ cafestrol” ซึ่งเคยมีการศึกษามาก่อนหน้านี้ว่า แสดงว่าเจ้าสารตัวนี้จะทำให้ปริมาณไขมันคลอเลสเตอรอลตัวเลว หรือ LDL-cholesterol ในเลือดเพิ่มขึ้น หากเราชงกาแฟแบบวิธีดั้งเดิม โดยไม่ผ่านตัวกรอง เช่น French press, Turkish coffee/Greek coffee, Scandinavian boil ซึ่งกาแฟที่ชงจากเครื่อง espresso หรือวิธี Drip ที่ร้านกาแฟส่วนมากนิยมใช้ในปัจจุบันสามารถสกัดสารตัวนี้ออกไปได้ค่ะ

• นอกจาก คาเฟอีน ที่เรารู้จักกันดีแล้ว ในกาแฟยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ อีก เช่น แมกนีเซียม วิตามินบี 2, 3 และ12, โซเดียม, แมงกานีส, โพแทสเซี่ยม, แอลคานีทีน, กรด Quinic, กรด Chlorogenic, น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว Monosaccharide, สารอัลคาลอยด์ Trigonelline

จะเห็นได้ว่าสารประกอบที่อยู่ในเมล็ดกาแฟนั้นมีเยอะมาก ซึ่งแต่ละตัวก็มีประโยชน์กับร่างกายต่างกันออกไป จากการศึกษาเพิ่มยังพบด้วยว่ากรดที่มีในกาแฟนั้นมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคเหงือกอักเสบได้ด้วย

• กาแฟแต่ละชนิดมีปริมาณคาเฟอีนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับชนิดของเมล็ดกาแฟ, วิธีการคั่วและชง ถ้าเป็นชนิดโรบัสต้าที่ส่วนมากนำไปทำกาแฟกระป๋องสำเร็จรูปจะมีปริมาณคาเฟอีนที่เยอะกว่ากาแฟชนิดอะราบิก้า ประมาณ 2.5-3 เท่า (สมัยที่ต้องอยู่เวรหนัก ๆ หมอก็พึ่งกาแฟกระป๋องเซเว่นนี่ล่ะ ตาตื่นเลย)

ซึ่งถ้าเป็นกาแฟกระป๋องเราสามารดูปริมาณคาเฟอีนจากรายละเอียดข้างกระป๋องได้เลยค่ะ ส่วนกาแฟชนิดอะราบิก้า ปริมาณโดยประมาณตามตารางค่ะ

  • คาเฟอีน ทำให้เรารู้สึกตื่นตัวเมื่อดื่ม เนื่องจากตัวโครงสร้างของคาเฟอีน มีลักษณะที่คล้ายกับสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า “Adenosine” ในสมอง ซึ่งมีคุณสมบัติในการกระตุ้นระบบประสาทและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
  • ส่วนใหญ่คาเฟอีนจะถูกกำจัดที่ตับ

ผลต่อกาแฟและสุขภาพ

โดยสรุปจากการรีวิวการศึกษาต่าง ๆ ในปัจจุบันนะคะ ซึ่งในการศึกษาจะหมายถึงกาแฟดำเท่านั้น ที่ไม่ได้รวมกาแฟที่มีส่วนประกอบของนมและน้ำตาล

1. การเสียชีวิต

  • การดื่มกาแฟปริมาณ 2-4 แก้วต่อวัน (ผลดีที่สุดคือ 3.5 แก้ว/วัน) ลดอัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ดื่มกาแฟ

2.ระบบหัวใจและหลอดเลือด

  • การดื่มกาแฟยิ่งเยอะยิ่งลดการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โดยปริมาณ 4-5 แก้วต่อวัน คือความสัมพันธ์ที่พบว่าลดได้มากที่สุด โดยไม่ขึ้นกับว่ากาแฟนั้นเป็นชนิด decaf* หรือไม่ (* decaf คือการที่สกัดสารคาเฟอีนออกจากกาแฟ คำนิยาม decaf ของแต่ละประเทศไม่เท่ากัน แต่ส่วนใหญ่มักจะสกัดออกมากกว่า 97%  เหลือคาเฟอีนประมาณ 2 mg เมื่อเทียบกับขนาดปกติคือ 95mg)
  • การดื่มกาแฟไม่มีผลต่อการควบคุมความดันโลหิต
  • ไม่มีหลักฐานที่แสดงได้ชัดว่าเพิ่มการเกิดภาวะหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ/หัวใจเต้นระริก
  • การดื่มกาแฟไม่มีผลต่อระดับไขมันคลอเลสเตอรอลในเลือด (เน้นว่า แน่นอนหมายถึงกาแฟดำ ที่ไม่มีส่วนผสมของนมหรือครีมเทียมค่ะ) แต่ต้องปริมาณที่ไม่เกิน  6 แก้วต่อวันและชงผ่านตัวกรองนะคะ

3.สุขภาพจิต

  • มีการวิจัยที่กำลังรอผลการศึกษาพบว่า การดื่มกาแฟอาจจะลดการเกิดภาวะความจำเสื่อมและโรคหลงลืม หรือเรียกภาวะโรคนี้ว่าโรคอัลไซม์เมอร์
  • ไม่มีหลักฐานแน่ในเรื่องความสัมพันธ์ของการเกิดภาวะซึมเศร้า

4.เบาหวาน

  • การดื่มกาแฟไม่ว่าจะเป็นชนิด decaf หรือปกติ สามารถลดอัตราการเกิดโรคเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลินได้

5.มะเร็ง

  • การดื่มกาแฟไม่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็ง

6.โรคตับ

  • การการดื่มกาแฟ 2 แก้วต่อวันช่วยชะลอการเกิดภาวะตับแข็งในผู้ป่วยโรคตับ จากการที่กาแฟมีที่ช่วยในการยับยั้งการเกิดผังผืดในตับ

จะเห็นได้ว่าการดื่มกาแฟดำ (เน้นย้ำนะคะว่ากาแฟดำ) ในปริมาณที่พอเหมาะ คือปริมาณ 3-5 แก้วหรือคาเฟอีนประมาณ 300-400 mg ต่อวัน ยังไม่พบว่ามีโทษและอาจจะยังมีประโยชน์ในบางเรื่อง แต่อย่างไรก็ตามการศึกษาหลายอย่างยังมีปัจจัยหลอก และอาจจะมีข้อมูลด้านอื่นในภายหลังเมื่อมีการศึกษาเพิ่มเติม เพราะฉะนั้นเราไม่ควรบริโภคกาแฟมากเกินไป ซึ่งจะส่งผลดีทั้งต่อร่างกายและเงินในกระเป๋าด้วยค่ะ

โดยส่วนตัวถึงแม้ว่ากาแฟจะมีประโยชน์มากมายแต่สำหรับใครที่ไม่เคยดื่มก็ไม่จำเป็นต้องพยายามจะหามาดื่มนะคะ เพราะถ้าเรารับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ พักผ่อนและออกกำลังกายเพียงพอ เท่านี้ร่างกายเราก็จะแข็งแรงห่างไกลจากโรคได้ค่ะ และหมอไม่แนะนำคนที่ตั้งครรภ์ดื่มกาแฟนะคะเพราะคาเฟอีนมีผลต่อการไหลเวียนของทารกในครรภ์ทำให้หัวใจของทารกนั้นเต้นเร็วขึ้นและมีผลต่อการพัฒนาของตัวอ่อนทารกในครรภ์ได้ค่ะ

บทความล่าสุด

ริดสีดวงทวาร

ริดสีดวงทวาร กับปัญหาหนักใจที่แก้ไขได้ รักษาเร็ว ฟื้นตัวไว

อ่านเพิ่มเติม
ผ่าตัดไส้เลื่อน

ผ่าตัดไส้เลื่อน วิธีรักษาไส้เลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

อ่านเพิ่มเติม
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

ผู้หญิงควรรู้! เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่คืออะไร มีสัญญาณเตือนอย่างไรบ้าง?

อ่านเพิ่มเติม
ดูบทความทั้งหมด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V

ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

  • Praram 9 Hospital
  • @praram9hospital

แพทย์ผู้เขียนบทความ

พญ.พรพิชญา บุญดี

พญ.พรพิชญา บุญดี

สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้า

นัดหมาย

ประวัติเพิ่มเติม

 

ศูนย์แพทย์

1677919536144

สถาบันโรคไตและเปลี่ยนไต

เยี่ยมชม

ดูทั้งหมด

บทความอื่นๆ

ริดสีดวงทวาร

ริดสีดวงทวาร กับปัญหาหนักใจที่แก้ไขได้ รักษาเร็ว ฟื้นตัวไว

ริดสีดวงทวาร มีสาเหตุมาจากการเพิ่มแรงดันในช่องทวารหนัก ทำให้เนื้อเยื่อหลอดเลือดในช่องทวารหนัก (Anal cushion) เกิดการขยายตัวเป็นหัวริดสีดวง

อ่านเพิ่มเติม
ผ่าตัดไส้เลื่อน

ผ่าตัดไส้เลื่อน วิธีรักษาไส้เลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

ผ่าตัดไส้เลื่อน เป็นวิธีรักษาไส้เลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด โดยเฉพาะการผ่าแบบส่องกล้อง จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และลดการเป็นซ้ำได้

อ่านเพิ่มเติม
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

ผู้หญิงควรรู้! เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่คืออะไร มีสัญญาณเตือนอย่างไรบ้าง?

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) คือภาวะที่เนื้อเยื่อในโพรงมดลูกเจริญนอกมดลูก เช่น รังไข่หรือท่อนำไข่ ทำให้เกิดการอักเสบและปวดท้องประจำเดือนรุนแรง

อ่านเพิ่มเติม
อ่านบทความทั้งหมด
Facebook-f Youtube Instagram Line
  • 1270
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • นัดหมาย
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ข่าว และกิจกรรม รพ.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข

Copyright © 2025 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา